เมือวันที่ 24 มี.ค.66 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ได้รับแจ้งจากนายจตุรงค์ จันทร์เทศ ชาวบ้านในอำเภอพระพุทธบาท ว่ามีชายยืนแต่งกายคล้ายพระสงฆ์และเรี่ยไรขอเงินชาวบ้าน จึงได้แจ้งขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตรวจสอบพร้อมกับของความช่วยเหลืออาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูช่วยติดตามชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ติดตามตัวจนพบที่บริเวณลานจอดรถหลังวัดพระพุทธบาท มีย่ามที่สะพายอยู่ 2 ใบ จนเต็มล้นภายในย่ามเป็นอาหารและเงินสดที่ชาวบ้านใส่บาตรและถวายปัจจัย จึงได้นำตัวไปพบพระมหาสมัย อคฺคปญฺโญ (อักคะปัญโญ) เจ้าคณะอำเภอพระพุทธบาท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท ตรวจสอบใบสุทธิ ทราบฉายาทางพระ ว่า พระณรงค์ วิสุทโท บวชอยู่ที่วัดขุนใหญ่ ต.หนองขอน อ.เมืองอุบลฯ จ.อุบลราชธานี เมื่อตรวจสอบและข้อซักถามเสร็จสิ้น จึงได้ให้พระณรงค์ ออกนอกพื้นที่เพราะผิดกฎของสงฆ์ ในเรื่องของการขับรถยนต์และเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามพระณรงค์ ในเรื่องของการขับรถมาเองนั้นผิดกฎของสงฆ์หรือไม่ พระณรงค์ บอกว่า ถ้าหากมีเหตุจำเป็นก็ขับมาได้ เพียงแต่ทางญาติโยมจ้องเพ่งเล็งชาวโลกติเตียน ไม่ว่าจะเป็นพระก็ใช้ชีวิตทางโลกทางธรรมเหมือนกัน เพียงแต่ญาติโยมชาวโลกติเตียน ถ้ามีเหตุจำเป็นก็ไปได้เพราะจะไปเอายาโรคเก๊าโรคเบาหวาน นายจตุรงค์ จันทร์เทศ ชาวบ้านในอำเภอพระพุทธบาท เล่าว่า ผมเห็นยืนแต่งตัวชุดพระอยู่ ใส่สบง ใส่อังสะ ก็เลยขี่รถตามดูว่าเป็นยังไง พอเค้าเดินไปร้านก๋วยเตี๋ยวญาติ เห็นถือถุงอาหารอยู่ แล้วก็ขอปัจจัย ผมเลยตามดูว่าพฤติกรรมเป็นยังไง พฤติกรรมคือเค้าขับรถกระบะมาจอดอยู่หลังวัด มีของค่อนข้างเยอะ เห็นสะพายกระเป๋าและก็มีย่าม 2 อันเชชื่อว่าน่าจะเป็นพระปลอม เลยขับรถตามดู เพราะไม่เคยเห็นในพื้นที่ ชาวบ้านแถวนี้บอกว่า พระรูปนี้ทำลักษณะเหมือนเอาอาหารมาแลกปัจจัย ซึ่งชาวบ้านก็เกิดความสงสัย พระอะไรมาเดินตอนบ่ายเอาอาหารมาแลกเงิน แล้วบอกจะเอาเงินไปทำบุญอะไรสักอย่าง พระมหาสมัย อคฺคปญฺโญ (อักคะปัญโญ) เจ้าคณะอำเภอพระพุทธบาท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท กล่าวว่า จากการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระจริง มีพระอุปัชฌาย์ มีวัดสังกัด แต่ทำไม่ถูกตรงที่ขับรถ และอ้างว่าจะไปรับยามารักษาโรค ถ้าทำแบบนี้เวลามีเรื่องทีก็จะอ้างกันหมด อยากแนะนำว่าให้หาญาติโยม ช่วยเป็นธุระไปเอาให้ หรือให้พาไป โดยเฉพาะจังหวัดสระบุรีนี่ พระห้ามขับรถเลย แต่ท่านนี่มาจากอุบลราชธานี ท่านขับไปเรื่อย ๆ ทำผิดนู่นหน่อย นี่หน่อย ซึ่งการเรี่ยไรนี่มีกฎหมาย พรบ.คณะสงฆ์อยู่แล้ว มีคำสั่งมหาเถระสมาคมอยู่แล้วว่าการเรี่ยไรเนี่ยห้าม ถ้าจะเรี่ยไรต้องได้รัยการอนุญาติก่อน ส่วนพระท่านนี้คงต้องให้ออกนอกพื้นที่ก่อนให้ท่าน กลับต้นสังกัด ทางต้นสังกัดบอกไม่เจอท่านมา 2 ปีแล้ว แต่ถ้ายังกลับมาทำพฤติกรรมแบบนี้อีก ก็บอกท่านไปแล้วว่าให้ลาสิกขา
